วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556



กิตติกรรมประกาศ
               โครงงานนี้จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาประวัติและวิธีการทำบัวลอยสามสีที่ถูกวิธีและอร่อยและที่สำคัญคือแปลกใหม่ไปจากเดิม  บัวลอยสามสีเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของคนไทย ซึ่งบัวลอยสามสีก็เป็นขนมหวานไทยชนิดหนึ่งถือเป็นการช่วยอนุรักษ์สูตรขนมไทยและวัฒนธรรมไทยไปในตัว
              และการจัดทำโครงงานครั้งนี้สำเร็จไปได้ดัวยดีเนื่องจากได้คำปรึกษาจาก อาจารย์ อนุสรณ์ ฤกษ์บางพลัด กลุ่มของพวกเราจึงขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้








บทที่1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
บัวลอยสามสี เป็นขนมหวานของไทยชนิดหนึ่งที่ เป็นสูตรประยุกต์โดยยืนพื้นฐานสูตรเดิมจากกับข้าวรัตนโกสินทร์ ตำรับเล่มนี้ของราชสกุลชุมสาย เดิมที่ใช้แป้งมันและแป้งข้าวเหนียวนวดกับน้ำกะทิเพียงเท่านั้น บัวลอยสามสีประยุกต์  มีการใช้สีจากธรรมชาติแต่งขึ้นมาเพื่อความสวยงาม
                   บัวลอยสามสีสามารถประยุกต์  ได้หลายสี เช่น
ลูกบัวลอยที่เป็นสีเขียวเราทำมาจากน้ำใบเตย ลูกบัวลอยที่เป็นสีม่วงเราทำมาจากน้ำดอกอัญชัญ  และลูกบัวลอยที่เป็นสีหลืองทำมาจากน้ำขมิ้น ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีสรรพคุณหลายประการและหาได้ง่ายในท้องถิ่นของเราด้วย
การทำบัวลอยสามสีเป็นการอนุรักษ์และเป็นการนำวิธีการทำบัวลอยที่มีอยู่แล้วมาสร้างสรรค์ให้แปลกใหม่จากเดิมให้คนรุ่นหลังสืบทอดกันต่อไป
จุดมุ่งหมายของโครงงาน
1.             เพื่ออนุรักษ์ขนมหวานไทย
2.             เพื่อฝึกการทำงานเป็นกลุ่ม
3.             เป็นการสร้างรายได้ระหว่างเรียน
4.             เพื่อฝึกการทำบัวลอยสามสี
5.             เพื่อศึกษาประวัติและวิธีทำขนมไทย
สมมุติฐาน
หวังว่าจะได้รับประโยชน์จากการทำโครงงาน เพื่อนำไปประกอบอาชีพในอนาคต และสามารถประยุกต์บัวลอยสามสี ที่ใช้สีจากพืชธรรมชาติ
ขอบเขตการศึกษา
ศึกษาจากเว็บไซต์และสอบถามบุคคลที่รู้เกี่ยวกับบัวลอยสามสี

บทที่2
       เอกสารที่เกี่ยวข้อง   
                           
            ใบเตย          
     ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวลักษณะแตกกอเป็นพุ่มขนาดเล็ก ลำต้นเป็นข้อ ใบออกเป็นพุ่มบริเวณปลายยอด เมื่อโตจะมีรากค้ำจุนช่วยพยุงลำต้นไว้ ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับเวียนเป็นเกลียวขึ้นไปจนถึงยอด ลักษณะใบยาวเรียวคล้ายใบหอก ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ผิวใบเป็นมัน เส้นกลางใบเว้าลึกเป็นแอ่ง ถ้าดูด้านท้องใบจะเห็นเป็นรูปคล้ายกระดูกงูเรือ ใบมีกลิ่นหอม
ส่วนที่ใช้  ใบ
สรรพคุณ :
  • ใบสด
    -  ตำพอกโรคผิวหนัง
    -  รักษาโรคหืด
    -  น้ำใบเตย ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น 
    -  ใช้ผสมอาหาร แต่งกลิ่น ให้สีเขียวแต่งสีขนม
วิธีและปริมาณที่ใช้ :
1.            ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
ใช้ต้น 1 ต้น หรือราก ครึ่งกำมือ ต้มกับน้ำดื่ม
2.            ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ
ใช้ใบสดไม่จำกัดผสมในอาหาร ทำให้อาหารมีรสเย็นหอม  รับประทานแล้วทำให้หัวใจชุ่มชื่น หรือเอาใบสดมาคั้นน้ำรับประทาน ครั้งละ 2-4 ช้อนแกง
3.            ใช้เป็นยาแก้เบาหวาน                                                                                                                    
อัญชัน

เป็นไม้เถา ลำต้นมีขนนุ่ม มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ ปลูกได้ทั่วไปในเขตร้อน มีชื่อพื้นเมืองอื่นอีกคือแดงชัน (เชียงใหม่) และเอื้องชัน (เหนือ)[1] เมื่อคั้นออกมาจะได้เป็นสีฟ้า
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
อัญชันเป็นไม้เลื้อยเนื้ออ่อน อายุสั้น ใช้ยอดเลื้อยพัน ลำต้นมีขนปกคลุม ใบประกอบแบบขนนก เรียงตรงข้ามยาว 6-12 เซนติเมตร มีใบย่อยรูปไข่ 5-7ใบ กว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 3-5 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ผิวใบด้านล่างมีขนหนาปกคลุม
ดอกสีขาว ฟ้า และม่วง ดอกออกเดี่ยว ๆ รูปทรงคล้ายฝาหอยเชลล์ออกเป็นคู่ตามซอกใบ กลีบดอก 5 กลีบ ดอกบานเต็มที่ยาว 2.5-3.5 เซนติเมตรกลีบคลุมรูปกลม ปลายเว้าเป็นแอ่ง ตรงกลางมีสีเหลือง มีทั้งดอกซ้อนและดอกลา ดอกชั้นเดียวกลีบขั้นนอกมีขนาดใหญ่กลางกลีบสีเหลือง ส่วนกลีบชั้นในขนาดเล็กแต่ดอกซ้อนกลีบดอกมีขนาดเท่ากัน ซ้อนเวียนเป็นเกลียว ออกดอกเกือบตลอดปี ผลแห้งแตก เป็นฝักแบน กว้าง 1-1.5 เซนติเมตร ยาว 5-8 เซนติเมตร เมล็ดรูปไต สีดำ มี 5-10 เมล็ด
การกระจายพันธุ์
อัญชันมีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียเขตร้อน ก่อนจะถูกนำไปแพร่พันธุ์ในแอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกา

สรรพคุณ

  • ดอก สกัดสีมาทำสีผสมอาหาร ช่วยปลูกผมทำให้ผมดำขึ้น
  • เมล็ด เป็นยาระบาย
  • ราก บำรุงตาแก้ตาฟาง ถูฟันแก้ปวดฟัน ตาแฉะ และปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ นำรากมาถูกับน้ำฝนใช้หยอดหูและหยอดตา
ขมิ้น


ชื่ออื่น :   ขมิ้นหัว,ขมิ้นแกง,ขมิ้นหยวก (เชียงใหม่) ขมิ้น (กลาง) หมิ้น,ขี้มิ้น (ภาคใต้) สะยอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ตา ยอ (กะเหรี่ยง-กำแพงเพชร)  
สรรพคุณ : ใช้รับประทานเหง้าของขมิ้นชัน โดยการปลอกเปลือกหรือตากแห้งแล้วบดเป็นผงใช้ประกอบอาหารได้หลายอย่าง และแบบผงบรรจุแคปซูลเพื่อความสะดวกแก่การรับประทาน ขมิ้นชันมีประโยชน์และสรรพคุณหลายประการ ดังนี้ขมิ้นชันมีวิตามิน เอ, ซี, อี ที่เข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำงานพร้อมกัน ทั้ง 3 ตัว จึงมีผลทำให้ช่วยลดไขมันในตับ สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ เปลี่ยนไขมันให้เป็น  กล้ามเนื้อ ต้านอนุมูลอิสระป้องกันมะเร็งตับ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง กำจัดเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารที่รับประทานเข้าไปและสะสมในร่างกายเตรียมก่อตัวเป็นเซลล์มะเร็ง ช่วยขับน้ำนมสำหรับสตรีหลังการ  คลอดบุตรได้ดี รองมาจากการกินหัวปลีกินขมิ้นชันให้ตรงเวลา ที่อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเปิดการทำงานในช่วงเวลานั้น จะได้ผลตรงกับประเด็นที่ต้องการจะบำรุง หรือแก้ไขฟื้นฟูอวัยวะ รับประทานเพียง 1 แคปซูลเท่านั้น จะออกฤทธิ์    มากกว่าเวลาอื่นถึง 40 เท่าตัว แต่ถ้ามีปัญหาหลายอย่างก็รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล ทุกๆ 2 ชั่วโมง ถ้ารับประทานขมิ้นจำนวนมาก ส่วนที่เหลือจะทำหน้าที่ขับไขมันในตับ กินขมิ้นชันให้เป็นอาหาร ไม่ใช่กิน  ให้เป็นยา ต้องกินให้สนุกใช้ปรุงอาหารกินบ้าง หุงข้าวก็ใส่ขมิ้นชันได้ ทอดปลาคลุกขมิ้นชันก็ดี ทำให้หอมน่ากินและยังได้ประโยชน์อีกด้วย เพราะตัวขมิ้นจะช่วยย่อยไขมันจากน้ำมันที่ใช้ทอดปลาได้เป็นบาง  ส่วน ถ้ากินขมิ้นชันสดๆ ต้องปลอกเปลือกก่อน แต่ถ้าทำขมิ้นบดเป็นผง ต้องนำขมิ้นมาต้มน้ำให้เดือดสักพักหนึ่ง เสร็จแล้วตักออกนำมาผึ่งให้เย็นหั่นเป็นแว่นเล็กๆ ตากแดดจนแห้ง อาจจะตากหลายครั้ง แล้วถึง  จะนำมาบดให้เป็นผง ถ้าใช้เครื่องอบให้ขมิ้นแห้ง ความร้อนไม่ควรเกิน 65 องศา ถ้าความร้อนเกินอาจเกิดสารสเตอรอยด์ได้











บทที่ 3
ขั้นตอนการดำเนินงาน
        

วิธีการดำเนินงาน
1.แบ่งกิจกรรมตามหน้าที่
2.สืบค้นหาข้อมูล
3.รวบรวมขอมูล
4.จัดทำเป็นรูปเล่มที่สวยงาม
5.จัดทำเป็นโครงงานนำเสนอ








วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บทที่ 4
ผลการเรียนรู้
       
      จากการศึกษาค้นคว้าและฝึกทำบัวลอยสามสีผลที่ได้คือพวกเราได้เรียนรู้วิธีการทำ              ขนมที่ถูกวิธี และได้บัวลอยสามสีที่อร่อยและแปลกใหม่จากเดิมด้วยวิธีข้างล่างนี้


                                                   วัสดุอุปกรณ์
                                                                1.หม้อ                                                                      
 2.ถ้วย  
           3.เเก๊ส
4.ทัพพี
5.ช้อน
6.ตะเเกง
7.ถาด
8.เครื่องปั่น
                                                                              
                                                                           ส่วนผสม                                       
                                                                            1.น้ำใบเตย                                                                                                                 
            2.น้ำดอกอัญชัญ     
3.น้ำขมิ้น
              4.น้ำกะทิ   
                              
               5. น้ำเปล่า   
                                  
  6. น้ำตาล
    7.แป้งข้าวเหนียว
  
    8.เกลือ    
                        
  9.ไข่ไก่       
           

          วิธีการทำบัวลอยสามสี
1.เตรียมแป้งข้าวเหนียวไว้เพื่อนวดแป้ง
                              2.นำแป้งข้าวเหนียวไปผสมให้เข้ากับน้ำใบเตย น้ำดอกอัญชัญและน้ำขมิ้น นวดให้เข้ากัน
         
                      3.เมื่อได้แป้งครบทั้งสามสีแล้วให้ทำการปั้นแป้ง            
4.โรยแป้งให้ทั่วถาด และนำแป้งที่โรยไว้ลงไปในถาดแป้งบัวลอยจะได้ไม่ติดกัน
5.ต้มน้ำให้เดือด เทบัวลอยลงไปต้มเมื่อบัวลอยสุกแล้วจะลอยขึ้น แล้วให้ตักพักไว้ที่น้ำเปล่า
              
6.ต้มน้ำกะทิให้เดือด ตอกไข่ลงไป ตามด้วยเกลือและน้ำตาลและนำบัวลอยที่ต้มไว้แล้วเทลงไปในน้ำกะทิที่ต้มไว้
   

8.เทใส่ถ้วยพร้อมเสริฟ์


  


บทที่ 5
สรุปผลและอภิปรายผลงาน
สรุป

  การทำโครงงานบัวลอยสามสีครั้งนี้ทำให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันสืบค้นหาข้อมูลและปฏิบัติเป็นรูปเล่มโครงงานและทำเป็นของหวานเพื่อให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ และนอกจากนี้ยังเป็นการศึกษาวิธีการทำ และลงมือปฏิบัติได้ด้วยตนเอง และทำให้สมาชิกในกลุ่มเกิดความสามัคคีกันมากยิ่งขึ้นด้วย
อภิปราย
1.            สามารถนำเอาโครงงานมาเป็นแบบอย่างในการศึกษาข้อมูลในการทำครั้งต่อไป          
2.            ใช้ประโยชน์จากรูปเล่มโครงงานไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
3.            นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
4.            ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ให้กับตนเองและครอบครัว
5.            สามารถนำไปประกอบอาชีพได้

ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน
           ในการทำโครงงานเรื่องบัวลอยสามสีในครั้งนี้ ทำให้ได้รู้และศึกษาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มาประยุกต์ใช้และได้รับประโยชน์ ดังนี้
1.            รู้และนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกวิธี
2.            ได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆและนำมาจัดทำเป็นรูปเล่มโครงงาน เพื่อการศึกษาต่อไป
3.            นำไปประกอบการเรียนรู้ในวิชาที่เกี่ยวข้อง
4.            ได้เรียนรู้และฝึกทักษะการทำบัวลอยสามสี
5.สามารถนำความรู้ในการศึกษาการทำบัวลอยสามสีไปใช้ในการประกอบอาชีพได้




วีดิโอ

วีดีโอ